หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 กรุงรัตนโกสินทร์ยุคปรับปรุงประเทศ

สาระการเรียนรู้
การเมืองการปกครองยุคปรับปรุงประเทศ
กรุงรัตนโกสินทร์ยุคปรับปรุงประเทศ

กรุงรัตนโกสินทร์ยุคปฏิรูปประเทศหรือการปรับปรุงสยามประเทศให้มีความทันสมัย มีความศิวิไลซ์(Civilization)ตามแบบตะวันตก เริ่มต้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ท่านทรงตระหนักว่าไทยมิอาจจะอยู่นิ่งเฉยต่อไปได้แล้วกับการเข้ามาของชาติตะวันตกและยังมองเห็นภัยที่เริ่มคุกคามเข้ามาในช่วงเวลานั้น โดยเฉพาะการที่อังกฤษเริ่มเข้ายึดครองอินเดียอย่างชัดเจน และต่อมาก็ประเทศเพื่อบ้านของไทยเรา อย่างพม่า เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ทำให้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงต้องปรับปรุงปฏิรูปประเทศให้มีความทันสมัย เพื่อให้รอดพ้นเงื้อมมือของชาติมหาอำนาจตะวันตก
ตลอดระยะเวลา 17 ปีแห่งการครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพยายามที่จะทำให้ประเทศมีความเจริญทัดเทียมนานาอารยประเทศ ขณะเดียวกันก็สามารถรักษาเอกราชของชาติไว้ได้จนสิ้นรัชสมัย
แนวคิดในการปฏิรูปปรับปรุงประเทศให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศดังกล่าวนี้ ต่อมาก็ได้รับการสานต่อจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระองค์ได้ทำการปฏิรูปบ้านเมืองการปกครองขนานใหญ่ ควบคู่ไปกับการปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้ก็เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป การปฏิรูปเศรษฐกิจ ก็ได้แก่ การปรับปรุงระบบบริหาร งานคลังและภาษีอากร ส่วนการปฏิรูปสังคมก็ได้แก่ การเลิกทาส การปฏิรูปการศึกษา รวมทั้งการปรับปรุงการสื่อสาร และการคมนาคม เป็นต้น
                  
1. สาเหตุของการปฏิรูปประเทศ
สาเหตุของการปฏิรูปประเทศในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 สามารถสรุปได้ 3 ประการดังนี้
1.       สาเหตุจากการเมืองภายใน
ช่วง  บุนนาค
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตระหนักดีว่าพระองค์ในฐานะพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไม่ทรงมีพระราชอำนาจอย่างเต็มที่ในทางปฏิบัติ ทั้งนี้เพราะอำนาจส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์(ช่วง บุนนาค ผู้สำเร็จราชการแทน)ซึ่งมีฐานแห่งอำนาจสะสมมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 การที่จะทรงดำเนินการปฏิรูปประทศให้เป็นไปอย่างพระประสงค์ย่อมกระทำได้โดยยากถ้าไม่ทรงมีพระราชอำนาจอย่างเต็มที่ เนื่องจากจะต้องได้รับการขัดขวางจากขุนนาง คนรุ่นเก่าที่เสียประโยชน์จากการปฏิรูปครั้งนี้ ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือ พระองค์ต้องพยายามดึงอำนาจกลับมาสู่สถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อทรงสามารถดำเนินการปฏิรูปประเทศให้ได้ผลอย่างเต็มที่
2.       การคุกคามของจักรวรรดินิยมตะวันตก
นับเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นความจำเป็นที่ต้องปฏิรูปประเทศเป็นการด่วน ทั้งนี้เพราะพระองค์และกลุ่มคนรุ่นใหม่อื่นๆ อันได้แก่พระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางที่ได้รับการศึกษาแบบใหม่มาตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 4 แล้ว ต่างตระหนักถึงภัยคุกคามจากการแสวงหาอาณานิคมของประเทศมหาอำนาจตะวันตก และมีความเห็นสอดคล้องเช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่าทางออกในการเผชิญหน้ากับการคุกคามของจักรวรรดินิยมตะวันตก คือ ไทยจะต้องยอมผ่อนปรนตามข้อเรียกร้องของประเทศมหาอำนาจตะวันตกบ้าง เป็นทำนองยอมเสียผลประโยชน์ส่วนน้อยเพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนใหญ่ ก็คือ เอกราชของชาติไว้ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องรีบปรับปรุงประเทศให้เจริญตามแบบอย่างตะวันตกให้มากที่สุด เพื่อมิให้จักรวรรดินิยมตะวันตกหาเหตุยึดเอาไทยเป็นเมืองขึ้น โดยข้ออ้างที่ว่าไทยเป็นประเทศที่ล้าหลัง ซึ่งประเทศตะวันตกต้องเข้ามาช่วยทำให้เจริญ ตามแนวคิดลัทธิภารกิจของคนผิวขาว (The White Man’s Burden)
3.       การเสด็จประพาสดินแดนใกล้เคียง
ในระหว่างสมัยที่มีผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทน พ.ศ.2411 – พ.ศ.2416 โดยสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์(ช่วง บุนนาค) ซึ่งเป็นช่วงที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงไม่มีพระราชภาระในการบริหารประเทศ เป็นโอกาสให้ทรงมีเวลาศึกษาสถานการณ์ความเป็นไปของบ้านเมืองทั้งภายในประเทศและต่างประเทศใกล้เคียง ผู้สำเร็จราชการยังได้จัดให้พระองค์เสด็จประภาสดินแดนใกล้เคียง ซึ่งเป็นอาณานิคมของประเทศตะวันตก ได้แก่ สิงคโปร์ ชวา พม่าและอินเดีย ทำให้ทรงได้รู้ได้เห็นความเจริญที่ประเทศตะวันตกสร้างให้แก่อาณานิคมของตน ตลอดจนวิธีการปกครองที่ประเทศตะวันตกนำมาใช้กับดินแดนเหล่านั้นด้วย นับเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ทรงต้องการปรับปรุงบ้านเมืองเพื่อตอบสนองพระราโชบายที่จะตั้งรับการคุกคามของจักรวรรดินิยมตะวันตกอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการปฏิรูปประเทศให้เจริญขึ้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น